ภาวะพังผืดในตับในผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย
เนื้อหาบทความหลัก
บทคัดย่อ
พังผืดในตับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญในผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคตับที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นในการศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกพังผืดในตับระยะที่มีนัยสำคัญ (F2-F4) และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางคลินิกกับพังผืดในตับในผู้ที่อยู่ร่วมกับ
เชื้อเอชไอวี จากข้อมูลทุติยภูมิของโครงการ HIV-NAT 006 ที่ได้ทำ Liver stiffness measurement ระหว่างวันที่ 15 มกราคม 2010 ถึง 4 กรกฎาคม 2019 จำนวน 1,032 ราย โดยแบ่งกลุ่มตามระดับความรุนแรงของพังผืดในตับระหว่างพังผืดในตับระดับปกติหรือเล็กน้อย (F0-F1) และ F2-F4 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาและการทดสอบทางสถิติ ได้แก่ Mann-Whitney U test สำหรับการเปรียบเทียบตัวแปรเชิงปริมาณ และ Chi-square test สำหรับการเปรียบเทียบตัวแปรเชิงกลุ่ม ผลการศึกษาพบว่าความชุกของพังผืดในตับระยะที่มีนัยสำคัญ (F2-F4) อยู่ที่ร้อยละ 14.7 ค่ามัธยฐานของอายุเท่ากับ 42.9 ปี(IQR: 36.5-48.5) โดยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย (ร้อยละ 61.4) นอกจากนี้ ค่ามัธยฐานของอายุ ดัชนีมวลกาย เส้นรอบเอว ระดับ ALT ระดับ AST ระดับน้ำตาลในเลือด และไตรกลีเซอไรด์ในกลุ่ม F2-F4 สูงกว่ากลุ่ม F0-F1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) นอกจากนี้ สัดส่วนของผู้ที่สูบบุหรี่ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงในกลุ่ม F2-F4 สูงกว่ากลุ่ม F0-F1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ในทางตรงกันข้าม ระดับเกล็ดเลือด ระดับ eGFR HDL-C และ CD4 cell count ในกลุ่ม F2-F4 ต่ำกว่ากลุ่ม F0-F1 อย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นผู้ที่มีความผิดปกติของเมตาบอลิซึม ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ผู้ที่สูบบุหรี่ และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาของพังผืดในตับในกลุ่มผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องเฝ้าระวังผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้เพื่อลดอุบัติการณ์การเกิดภาวะพังผืดในตับและลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตของผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีต่อไป